
ในวันที่คุณวิวรรยาเดินทางกลับจากต่างประเทศนั้น ปกติผู้เป็นพ่อจะเดินทางมารับทุกครั้งแต่ครั้งนี้กลับเป็นแม่และน้องชาย เพราะคุณพ่อยังอยู่ในห้องไอซียู ไม่ได้สติมา 1 วันแล้ว เรื่องราวที่พ่อประสบอุบัติเหตุจึงถูกทยอยเล่าออกมาระหว่างทาง
“คุณหมอวางแผนผ่าตัดที่ต้นคอด้านหลัง เพื่อเอาเศษกระดูกที่แตกไปทับเส้นประสาทออก และใส่ข้อต่อเทียมที่แขนด้านซ้าย และต้องใส่เหล็กที่นิ้วมือที่แตก การผ่าตัดครั้งนี้กินเวลาเกือบ 10 ชั่วโมงและผ่านไปได้ด้วยดี หลังการผ่าตัดคุณพ่อต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลอีกเกือบ 6 เดือน”
“ช่วงหลังจากออกจากห้องผ่าตัด คุณพ่อต้องทำกายภาพบำบัดทุกวัน และมีปัญหาอย่างมากเพราะท่านปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ ตึงตัว เส้นยึด เคลื่อนไหวยาก และปัญหาใหญ่อย่างมากก็คือเรื่องท้องผูกเพราะท่านต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา ดิฉันพยายามปรับเปลี่ยนอาหารมาเป็นพวกผักผลไม้มากขึ้น แต่ท่านก็ยังท้องผูกและต้องสวนทวารอยู่เป็นประจำ”
ระหว่างที่ทำการพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมีเพื่อนสนิทของคุณพ่อไปเยี่ยม และได้แนะนำน้ำแอคทิเวท ให้ผู้เป็นพ่อดื่มในช่วงพักฟื้นร่างกาย
“หลังจากดิฉันเปลี่ยนให้ท่านมาดื่มน้ำแอคทิเวท แทนน้ำธรรมดา คุณพ่อสามารถถ่ายได้เอง โดยที่ไม่ต้องสวน ไม่ต้องกินยาระบาย อาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และข้อต่อก็ลดลง อาการตึงตัวเมื่อยเส้น และปวดเส้นประสาทก็น้อยลง ดิฉันก็สังเกตว่าที่ผิวของคุณพ่อที่เคยเป็นกระก็ดูจาง และน้อยลง”
“ส่วนดิฉันซึ่งปกติจะเป็นคนผิวแห้ง มีปัญหารอยด่างดำที่ผิว หลังจากได้ทดลองดื่มน้ำแอคทิเวท ไประยะหนึ่งก็รู้สึกว่าผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล จนใครๆ ก็ทักกัน ทุกวันนี้คุณพ่อและ
ดิฉันก็ดื่มน้ำแอคทิเวท เป็นประจำ”
อุบัติเหตุครั้งใหญ่กับเสาหลักของครอบครัว
ผู้เล่าเรื่อง วิวรรยา
อาชีพ เภสัชกร